วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

MAKRO คาดยอดขายครึ่งปีหลังโต 15%

MAKRO คาดยอดขายครึ่งปีหลังโต 15%
วันอังคารที่ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 16:13:49 น.

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดี โดยเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรง ขณะเดียวกันธุรกิจโรงแรมได้ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเดือนต.ค.จะเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้การซื้อสินค้าของลูกค้าที่มีทั้งในกลุ่มของโรงแรม ร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมถึงโชห่วย มีเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันบริษัทมีสมาชิก 2.2 ล้านราย จึงน่าจะทำให้แนวโน้มในครึ่งปีหลังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มียอดขายเติบโต 15%
ด้านการขยายสาขาปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ 4 แห่งงบลงทุน 1,500-1,600 ล้านบาท หรือประมาณ 400 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งบริษัทได้เปิดไปแล้ว 3 แห่ง คือ โดยไตรมาส 1/53 เปิดสาขาจ.กำแพงเพชร และไตรมาส 2/53 เปิดสาขาจ.กาญจนบุรี และสาขาจ.ลพบุรี ปัจจุบันจึงมีสาขารวม 47 แห่ง สำหรับสาขาที่ 4 ปีนี้ที่จ.หนองคาย จะเปิดสาขาวันที่ 29 ก.ย.จะทำให้ปีนี้บริษัทมีสาขารวม 48 แห่ง
อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทเชื่อว่าการเติบโตจะมาจากการขยายสาขาเพิ่ม และการเติบโตของสาขาเดิม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่วนแนวโน้มการขยายสาขาในปี 54 ขณะนี้บริษัทยังไม่มีเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทยังไม่มีใบอนุญาตในการขยายสาขาใหม่ จึงยังไม่สามารถระบุได้ ประกอบกับการเปิดสาขาใหม่มีขั้นตอนมากขึ้น และแม้ว่าปี 54 จะไม่สามารถเปิดสาขาใหม่ได้ ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อรายได้อย่างแน่นอน?

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

MAKRO Q2/10 โตต่อ 50%

เรื่อง นำส่งงบการเงินประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2553
เรียน กรรมการ และผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัทฯ ขอนำส่งงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะบริษัทระหว่างกาลของบริษัท
สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประจำไตรมาสที่ 2 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553
ซึ่งสอบทานโดยผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ แล้ว

รายได้
ในไตรมาส 2 บริษัทฯ มียอดรายได้รวมจำนวน 21,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตรา
ร้อยละ 14.3 จากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสหนึ่งของปีนี้ใน
อัตราร้อยละ 1.2% การเติบโตของรายได้รวมเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายของ
แม็คโครสาขาเดิม (41 สาขา) และยอดขายจากสาขาใหม่ ซึ่งเปิดตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2552
จนถึงสิ้นสุดไตรมาส 2 ของปีนี้ จำนวน 6 สาขา (บริษัทฯ ได้เปิดสาขาใหม่ในไตรมาส 2 นี้เพิ่ม
2 สาขาได้แก่สาขาที่ 46 กาญจนบุรี และสาขาที่ 47 ลพบุรี)

กำไรขั้นต้น
อัตราส่วนกำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาจากอัตรา
ร้อยละ 6.1 เป็น 7.0 และจำนวนเงินกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.7 เป็นผลมาจาก
สินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 จากไตรมาสเดียวกันของ
ปีที่ผ่านมาหรือเพิ่มขึ้นจำนวน 211 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจาก 6 สาขาใหม่จำนวน
120 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายของสาขาเดิมและสำนักงานใหญ่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 8.1
อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น
อัตราร้อยละ 6.3 ขณะที่ปีที่ผ่านมาอยู่ในอัตราร้อยละ 6.0

กำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้รวมจำนวน 633 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาในอัตรา
ร้อยละ 44.5 สืบเนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น บริษัทฯ มีกำไร
หลังหักภาษีเงินได้จำนวน 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมาในอัตราร้อยละ
49.6

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ


ขอแสดงความนับถือ
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

(นายเจริญ อัศวจารุเกษม)
ผู้จัดการฝ่ายประสานงานตลาดหลักทรัพย์

โฮมโปรลุยผุดสาขาต่างประเทศปีหน้า

โฮมโปรย้ำปีหน้าชัดแน่ แผนผุดสาขาต่างประเทศ คาดประเดิมมาเลเซียแห่งแรก ก่อนยึดทั่วอาเซียนรับเปิดการค้าเสรี

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์หรือโฮมโปร ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่าแผนการขยายสาขาในต่างประเทศรับกับการเปิดเสรีการค้านั้นจะชัดเจนในปีหน้า โดยจะเริ่มไปเปิดตลาด ที่ประเทศอมาเลเซีย เป็นแห่งแรก เนื่องจากพิจารณาเห็นว่ารายได้ประชากรต่อหัวสูงกว่าคนไทยถึง 1 เท่าตัว โดยมีรายได้ต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ประชากรไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 เหรียญสหรัฐฯ

ทั้งนี้การเข้าไปจะเป็นลักษณะการร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการร่วมทุน ซึ่งลักษณะของศูนย์ที่จะก่อสร้างนั้นจะมีรูปแบบใกล้เคียงกับในเมืองไทยที่ใช้พื้นที่เฉลี่ยต่อแห่งอยู่ที่ 5,000 ตารางเมตร หากเป็นการลงทุนต่อแห่งในเมืองไทยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท แต่หากเป็นในต่างประเทศอาจจะต้องใช้มากกว่า

“เท่าที่ได้ศึกษาพบว่า ธุรกิจรูปแบบโฮมโปร ในประเทศเพื่อนบ้านนั้นยังมีไม่มาก หากเข้าไปก็ต้องศึกษาในเรื่องของผังเมือง ให้ดี แต่เท่าที่ศึกษาเรื่องกฎหมายที่ดินในมาเลเซียนั้นมีสัญญาการเช่าที่ดินนั้นระยะยาวนานถึง 99 ปี”นายคุณวุฒิกล่าว

สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะใช้ขยายสาขานั้นจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 2,000 ล้านบาท หลังจากนั้นจะขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปินส์ และอินโดนีเซีย

นายคุณวุฒิ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะเปิดสาขาโฮมโปรใหม่อีก 3 แห่ง ได้แก่บริเวณถ.ร่มเกล้า, ถ.ลำลูกกาคลอง 6 และจ. นครศรีธรรมราช ใช้เงินลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะมีสาขาครบ 40 แห่ง ส่วนในปีหน้าตั้งเป้าจะขยายสาขาใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 4 แห่ง โดยจะเน้นไปยังต่างจังหวัดในพื้นที่หัวเมืองรอง ขณะเดียวกันบริษัทฯจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้าประเภทเฮ้าส์แบรนด์มากขึ้นจากปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วน 16% และจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2-3% และจะพยายามรักษาสัดส่วนการขายเฮ้าส์แบรนด์ไว้ไม่ให้เกิน 25% ซึ่งสินค้าเฮ้าส์แบรนด์สามารถทำกำไรได้สูงถึง 30%

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังดีขึ้นมาก และพฤติกรรมผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยสินค้าตกแต่งบ้านมากขึ้น โดยในครึ่งปีแรก บริษัทตั้งเป้ากำไรโต 15% แต่เติบโตถึง 45% ขณะที่เป้ารายได้ตั้งเป้าเติบโต10% แต่ครึ่งปีแรกรายได้เติบโตถึง 20%
ที่มา : http://www.posttoday.com/ข่าว/ธุรกิจ-ตลาด/43643/โฮมโปรลุยผุดสาขาต่างประเทศปีหน้า